วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กลุ่มที่ 1 ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์





ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์


             ซิกมุนด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) เป็นนายแพทย์ จิตแพทย์ และนักจิตวิทยาชาวออสเตรีย เกิดเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1856และเสียชีวิตเมื่อวันที่  23 กันยายน ค.ศ. 1939 เป็นผู้สร้างทฤษฎีจิตวิเคราะห์ ซึ่งเป็นทฤษฎีทางด้านการพัฒนา Psychosexual
                  ฟรอยด์เชื่อว่ามนุษย์มีสัญชาตญาณติดตัวมาแต่กำเนิด พฤติกรรมของบุคคลเป็นผลมาจากแรงจูงใจหรือแรงขับพื้นฐานที่กระตุ้นให้บุคคลมีพฤติกรรม คือ สัญชาตญาณทางเพศ (sexual instinct) 2 ลักษณะคือ
               Ø 1.สัญชาตญาณเพื่อการดำรงชีวิต
 Ø 2.สัญชาตญาณเพื่อความตาย 
             ฟรอยด์ได้กล่าวถึงพลังงานพื้นฐานทางจิตที่เรียกว่า  Libido ซึ่งเกิดมาพร้อมกับมนุษย์ พลังงานเหล่านี้เป็นแหล่งของแรงขับทางเพศของบุคคลทั้งหมด โดยเน้นว่าชีวิตเพศของมนุษย์มิได้เริ่มเมื่อวัยหนุ่มสาว  หากแต่เริ่มมาตั้งแต่เด็กและจะค่อยๆ  พัฒนาเปลี่ยนรูปแบบเป็นลำดับขั้นขึ้นไป  แต่ถ้าการเปลี่ยนแปลงไม่เป็นไปตามขั้นจะมีการชะงัก (Fixation) หรือการถอยกลับ (Regression) ทำให้มีผลสะท้อนไปถึงบุคลิกภาพตอนโต
ฟรอยด์ได้แบ่งขั้นพัฒนาการทางเพศไว้  5  ขั้นตอน คือ
1.ขั้นความสุขความพอใจบริเวณปาก (Oral Stage) มีอายุอยู่ในช่วงแรกเกิด-18 เดือน
kadniu.jpg

 2.ขั้นความสุขความพอใจบริเวณทวารหนัก (Anal stage) มีอายุอยู่ในช่วง 18 เดือน ถึง 3 ปี
nonrok.jpg

 3.ขั้นความพอใจบริเวณอวัยวะเพศ (Phallic Stage)อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 3 ถึง 5 ปี
A-Love-Letter-To-My-Dad.jpg

4.ขั้นก่อนวัยรุ่น (Latency Stage)มีอายุอยู่ในช่วง 7 ถึง 14 ปี
m4.gif

5.ขั้นวัยรุ่น (Genital Stage) วัยนี้เป็นวัยรุ่นเริ่มตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป
boyandgirl.jpg

โครงสร้างบุคลิกภาพ (The personality structure)
ฟรอยด์มีความเชื่อว่า ลักษณะจิตใจของบุคคลสามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
id_ego_superego.gif
Ø 1.อิด (Id) เป็นเสมือนแรงจูงใจที่จะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เป็นความต้องการของร่างกาย
Ø 2.อีโก้ (Ego ) เป็นสิ่งที่จะทำห้อิดบรรลุตามจุดมุ่งหมาย
Ø 3.ซุปเปอร์อีโก้ (Superego) เป็นส่วนที่เป็นมโนธรรมและศีลธรรม
                       การทำงานของคนทั้ง 3 ประการจะพัฒนาบุคลิกภาพของบุคคลให้เด่นไปด้านใดด้านหนึ่งของทั้ง 3 ประการนี้ แต่บุคลิกภาพที่พึงประสงค์ คือ การที่บุคคลสามารถใช้พลังอีโก้เป็นตัวควบคุมพลังอิด และซูเปอร์อีโก้ให้อยู่ในภาวะที่สมดุลได้
                 สรุปแล้วทฤษฏีของฟรอยด์ เป็นทฤษฎีที่มีอิทธิพลมากทั้งทางตรง และทางอ้อม ผู้ที่มีความเชื่อ และเลื่อมใสในทฤษฏีของฟรอยด์ ก็ได้นำหลักการต่างๆ ไปใช้ในการรักษาคนที่มีปัญหาทางบุคลิกภาพ ซึ่งได้ช่วยคนมากว่ากึ่งศตวรรษ ส่วนนักจิตวิทยาที่ไม่ใช้หลักจิตวิเคราะห์ ก็ได้นำความคิดของฟรอยด์ไปทำงานวิจัยเกี่ยวกับพัฒนาการทางบุคลิกภาพ จึงนับว่าฟรอยด์เป็นนักจิตวิทยา ผู้มีอิทธิพลมากต่อพัฒนาการของวิชาจิตวิทยา





ค้นหาบล็อกนี้